กรมส่งเสริมการเกษตร ขอความร่วมมือเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยางดทำนาปรังรอบสอง แนะปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน

นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) กำลังปานกลาง ส่งผลให้ในปี พ.ศ.2566 ประเทศไทยมีปริมาณน้ำต้นทุนทั้งประเทศน้อยลงกว่าปี 2565 จำนวน 3,999 ล้านลูกบาศก์เมตร (1 พฤศจิกายน 2566) ซึ่งส่งผลต่อน้ำต้นทุนในปี 2567 ประกอบกับที่กรมชลประทานได้ปรับแผนจัดสรรน้ำเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว และขณะนี้มีการจัดสรรน้ำทั่วประเทศแล้วประมาณ 12,627 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 51) โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 4,496 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 52) ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนอาจไม่เพียงพอต่อการทำนาปรังรอบสอง ข้อมูลสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 53,582 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 70 ของความจุอ่างฯ รวมกัน) โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 15,096 ล้านลูกบาศก์เมตร (ร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ รวมกัน) แต่ขณะนี้ การทำนาปรังพบว่าทั้งประเทศมีการทำนาปรังเกินจากแผนการเพาะปลูก ปี 2566/2567 ไปแล้ว 10.21 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 126 ของแผนฯ (ในเขตชลประทาน 8.38 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 144 ของแผนฯ นอกเขตชลประทาน 1.83 คิดเป็นร้อยละ 79 ของแผนฯ) เฉพาะ“ลุ่มเจ้าพระยา” มีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 6.90 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 164 ของแผนฯ (ในเขตชลประทาน 5.63 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 186 ของแผนฯ นอกเขตชลประทาน 1.27 คิดเป็นร้อยละ 109 ของแผนฯ) จากข้อมูลดังกล่าวกรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอความร่วมมือจากเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เก็บเกี่ยวนาปรังรอบแรกแล้วเสร็จ “ขอความร่วมมืองดทำนาปรังรอบที่ 2 และเลือกปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทน” เพื่อลดความเสี่ยงที่ผลผลิตจะเสียหายจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top